064 ธรรมปัจเวกขณ์
ประจำวันที่ - - ธันวาคม ๒๕๒๖

อ่านจิตให้แน่ชัด ในเรื่องของ การอาลัยอาวรณ์ เรายังติดยึด ยังหวงแหนอยู่ โดยเฉพาะเรื่อง ภวตัณหา เรายังมีอารมณ์ ติดการนอน การหลับ ซึ่งเป็นกิเลสในภพ เรายังอาลัยอาวรณ์ในอาการ พออ่านอาการให้ออก เห็นได้ชัด หรือ มีอุปาทาน เรามีอุปาทานว่า เราได้ไม่พอ เราอยากได้อีก อ่านอาการของตนเอง ให้ชัด เรานอนในเวลาที่เพียงพอ แต่เราก็รู้สึกว่าเรายังไม่พอ เป็นอุปาทานเสริมใส่จิต แล้วเราก็อาลัยอาวรณ์ โหยหา ความตะกละตะกลาม ความอยากได้ไม่พอ เป็นกิเลสทั้งสิ้น รู้เท่าทัน รู้ความรอบถ้วน ว่าเราเอง เราจะต้องตัดพรากจบ ไม่เอาจริงๆ รู้เท่าทันอาการ รู้เท่าทันความจริงที่มี ทั้งอุปาทาน เป็นอุปาทานจริงๆ ซึ่งควรพอ และเคยพอ แต่เราก็ไม่รู้จักพอ นั่นก็เป็นอุปาทาน ทำให้เราง่วง เราโหยหาได้

และอีกอันที่ชัดก็คือ เราไม่จับอาการกิเลส แล้วไม่ทำการลดให้เห็นว่า เรามีอาการนั้นจริง เป็นอาการ โหยหาอาวรณ์ รักใคร่ชอบ ต้องการมากขึ้นไปๆ ไม่รู้จักจบ เราจะต้องฆ่าจริงๆ ดับจริงๆ ใจต้องกล้า ใจต้องแข็ง ต้องเห็นของจริง ความจริง แล้วเราจึงจะเป็นผู้ประหารกิเลสนั้น ได้ชัดเจน

เป็นผู้เรียนรู้ความชั่ว หรือความผิดให้ถูกชัด แล้วก็เลิกละ ความชั่ว ความผิดให้ได้ รู้ดี ความดีให้ถูกชัด แล้วก็ทำ ให้จริงให้ได้ จิตก็จะยิ่งแข็งแรง ยิ่งสะอาด ฉลาด และขยันทำงาน เป็น พหุชนะหิตายะ

เพราะฉะนั้น หลักวิธีของพระพุทธองค์จึงมีว่า ต้อง สังวรสำรวมอินทรีย์ โภชเน มัตตัญญุตา ชาคริยานุโยโค หรือ สติปัฏฐาน หรือ มรรคองค์ ๘ โดยมี สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ แล้วเราจะประสพผล อย่างชะงัด.

 

ธรรมปัจเวกขณ์ ๒๕๒๖